ขนาด ที่ตั้ง และองค์ประกอบในสนามเด็กเล่น
ขนาดของสนามเด็กเล่นมีผลต่อการป้องกันอุบัติเหตุให้แก่เด็กอนุบาล สนามเด็กเล่นควรมีเนื้อที่ให้เด็กได้รับประสบการณ์ที่หลากหลาย ทั้งการสังเกต สำรวจ ทดลอง และการเลียนแบบ ดังนั้นสนามเด็กเล่นจึงควรมีขนาด 7.5 ถึง 100 ตารางฟุตต่อเด็ก 1 คน (2.25 ถึง 3 ตารางเมตร) ถ้าสนามเด็กเล่นมีเนื้อที่จํากัด ควรจัดตารางเวลาให้เด็กหมุนเวียนกันมาเล่นเพื่อเปิดโอกาสให้เด็กมาเล่นอย่างเท่าเทียมกัน สถานที่จัดสนามเด็กเล่นควรตั้งอยู่ในพื้นที่ที่สามารถทำความสะอาดได้ง่าย สามารถฉีดน้ำและแห้งได้อย่างรวดเร็ว ปลอดภัยจากไฟไหม้ มีร่มเงาและธรรมชาติที่สวยงาม (เยาวพา เดชะคุปต์, 2542)
Deeper และคณะ (1987) กล่าวว่า การกำหนดพื้นที่สนามเด็กเล่นควรมีเนื้อที่ทั้งในร่ม และกลางแจ้ง เพื่อทำกิจกรรมต่าง ๆ ที่เป็นกิจกรรมใช้เสียงและกิจกรรมที่สงบ ดังนั้นควรจัดพื้นที่ในสนามเด็กเล่นเป็นสัดส่วน เช่น จัดให้มีสนามหญ้าสำหรับวิ่งเล่นหรือทำกิจกรรม จัดพื้นที่สำหรับขี่จักรยาน เล่นบล็อก มีบริเวณสำหรับเลี้ยงสัตว์ แปลงเกษตร บ่อทรายและบริเวณสำหรับเล่นน้ำ ฯลฯ การจัดพื้นที่จะช่วยในการดูแลรักษาความสะอาดและดูแลเด็กเป็นไปอย่างทั่วถึง
การออกแบบพื้นที่ในการสนามเด็กเล่นยังต้องคำนึงถึงองค์ประกอบต่าง ๆ ในสนามเด็กเล่น เพื่อช่วยให้สนามเด็กเล่นมีความปลอดภัย และมีบรรยากาศที่กระตุ้นการเรียนรู้ของเด็ก Butler (1936) กล่าวถึง ลักษณะองค์ประกอบของสนามเด็กเล่นที่ดีดังนี้
1. จัดพื้นที่สำหรับกิจกรรมที่ส่งเสริมพัฒนาการอย่างหลากหลายทั้งด้านร่างกาย เช่น พื้นที่สำหรับวางเครื่องเล่นสนาม พื้นที่สำหรับทำกิจกรรมอิสระ ด้านสังคมคือ พื้นที่สำหรับจัดกิจกรรมกลุ่มใหญ่และกิจกรรมกลุ่มย่อย เพื่อช่วยให้เด็กได้พัฒนาทักษะการทำงานร่วมกัน พร้อมทั้งเปิดโอกาสให้เด็กเลือกทำกิจกรรมต่าง ๆ ด้วยตนเอง
2 เลือกเครื่องเล่นสนามที่เหมาะสมทั้งเด็กผู้ชายและเด็กผู้หญิงเพื่อช่วยส่งเสริมการเจริญเติบโตอย่างเต็มที่ตามวัย เนื่องจากการเลือกเครื่องเล่นก็เป็นสิ่งสำคัญในการจัดสนามเด็กเล่นช่วยส่งเสริมบรรยากาศในการเล่นของเด็ก
3. จัดพื้นที่สำหรับกิจกรรมอื่น ๆ เช่น กิจกรรมศิลปะ ดนตรี และงานฝีมือต่าง ๆ เนื่องจากบางครั้งเด็กอาจจะต้องการเปลี่ยนแปลงสถานที่ในการทำกิจกรรม เพื่อช่วยดึงดูดความสนใจของเด็กเกิดการเรียนรู้
4. พื้นที่สำหรับให้เด็กได้พักผ่อน จัดให้มีต้นไม้ พุ่มไม้ ดอกไม้ มีความสะดวกสบาย สามารถส่งเสริมพัฒนาการทางอารมณ์ของเด็ก
Mason (1982) ลักษณะขององค์ประกอบของสนามเด็กเล่นที่ดี ควรมีการจัดวางองค์ประกอบโดยคำนึงถึงการจัดแบ่งพื้นที่ต่าง ๆ ในสนามเด็กเล่น เพื่อให้เด็กสามารถทำกิจกรรมต่าง ๆ ได้สะดวกมากขึ้น การแบ่งพื้นที่ในสนามเด็กเล่นตามความสนใจและของเด็ก แบ่งเป็น 6 ส่วนดังนี้ คือ
1. พื้นที่สำหรับเด็กเล็ก เป็นพื้นที่สำหรับการเล่นของเด็กที่มีอายุ 25 ปี ลักษณะการจัดควรมีจุดพักจากการเล่นอาจเป็นม้านั่ง เก้าอี้ และนำพุ่มไม้เตี้ย ๆ หรือรั้วกั้นอาณาเขต จัดม้านั่งสำหรับผู้ปกครองเพื่อดูแลเด็กอย่างใกล้ชิด ควรมีบ่อทราย บ้านจำลองและสนามหญ้าสำหรับทำกิจกรรมต่าง ๆ
2. พื้นที่สำหรับเด็กอายุ 6-11 ปี เด็กระดับนี้จะชอบเล่นกับเครื่องเล่นสนาม ซึ่งเครื่องเล่นสนามช่วยให้เด็กได้ใช้สมาธิ และตอบสนองความต้องการทั้งของเด็กชายและเด็กหญิง พื้นที่นี้ต้องการการดูแลอย่างใกล้ชิด เนื่องจากมีเครื่องเล่นสนามที่หลากหลายจึงต้องรักษาความปลอดภัยอย่างสม่ำเสมอ พื้นที่บริเวณนี้อาจมีสระน้ำใกล้ ๆ เพื่อให้เด็กได้ลงเล่น
3. พื้นที่สำหรับการเล่นอิสระและเกมที่มีกติกาไม่ซับซ้อน เด็กอายุ 6- 11 ปี ต้องการพื้นที่อิสระในการเล่น การออกแบบต้องจัดพื้นที่สำหรับเล่นเกม และสนามหญ้า เพื่อที่เด็กได้ทำกิจกรรมที่หลากหลายทั้งการวิ่ง การทำกิจกรรมเกมต่าง ๆ และการเล่นอิสระ
4. ที่พักหรือศาลาพัก เป็นพื้นที่นี้ควรได้รับการตกแต่งอย่างสวยงามและร่มรื่นเพื่อช่วยดึงดูดความสนใจของเด็กให้เข้ามาเล่นในสนามเด็กเล่น
5. พื้นที่สำหรับทำกิจกรรมศิลปะและหัตถกรรม อาจเลือกใช้พื้นที่ในร่มเพื่อช่วยให้การจัดการให้กิจกรรมดำเนินไปอย่างดีมากขึ้น อาจจัดม้านั่งสำหรับพักผ่อน พื้นที่นี้เหมาะสำหรับกิจกรรมที่ต้องใช้ความสงบ
6. บริเวณรอบ ๆ สนามเด็กเล่นอาจปลูกต้นไม้เพื่อกั้นอาณาเขตของสนามเด็กเล่นบางสถานที่อาจจัดด้านหน้าของสนามเด็กเล่นให้สวยงาม เช่น จัดเป็นที่นั่งพักเพื่อให้ผู้ปกครองสามารถนั่งดู บุตรเล่น
การตกแต่งสนามเด็กเล่นเพื่อให้เกิดความร่มรื่นและสวยงามสามารถตกแต่งได้โดยใช้ พรรณไม้ เนื่องจากมีพรรณไม้บางชนิดมีอันตรายและไม่เหมาะสมกับเด็ก เอื้อมพร วีสมหมาย (2533) กล่าวว่า ผู้จัดสนามเด็กเล่นควรศึกษาถึงอันตรายของต้นไม้แต่ละชนิดก่อนนำมาตกแต่งในสนามเด็กเล่น ดังนั้นการเลือกชนิดของต้นไม้ในสนามเด็กเล่น ควรเป็นต้นไม้ที่ปลอดภัย เนื่องจากเด็กอาจมาเล่นหรือรับประทานดอกไม้และต้นไม้เหล่านั้น ซึ่งถ้าต้นไม้เหล่านั้นมีพิษ แหลมคมหรือกิ่งเปราะหักง่ายก็จะเกิดอันตราย ต้นไม้ที่ไม่ควรใช้ในสนามเด็กเล่นสามารถจัดกลุ่มได้ดังนี้
1. ต้นไม้ที่มีพิษ เป็นพันธุ์ไม้ที่มีราก เปลือก ลำต้น ผล หรือยางที่มีพิษ ได้แก่ ขอยมีเปลือกของผลทำให้คัน เจตมูลเพลิงขาวมีรากยางมีพิษคัน ดองดึงมีหัวสด ๆ รับประทานเป็นพิษ ตีนเป็ดน้ำมีเมล็ดเป็นพิษคัน เต่าร้างมียางจากผลทำให้คัน ตำแยช้างมีผลเป็นพิษคัน บานเย็นมีรากและเมล็ดเป็นพิษ โป๊ยเซียนมีหนามและยางเป็นพิษ โพทะเล รำเพย สลัดไดป่า ยี่โถและพญาไร้ใบมีน้ำยางของต้นไม้มีพิษเมื่อถูกตาอาจตาบอดได้ มะกล่ำตาหนูมีรากและเปลือกสีแดงหุ้มเมล็ดเป็นพิษ ลำโพงมีหนามของผลและ เมล็ดเป็นพิษ สาวน้อยประแป้งมียางของต้นทำให้คันเมื่อถูกลิ้นจะชา และหางไหล่แดงมีเปลือก ดอกและรากเป็นพิษ ฯลฯ
2. ต้นไม้ที่มีหนามแหลมคม ได้แก่ กระบองเพชรมีหนาม เข็มกุดั่น เข็มอาดัม ลิ้นมังกร อากาเว่ และปรงญี่ปุ่นมีปลายใบแหลมคม เตยและสัปปะรดสีมีใบมีหนามเล็ก ๆ โป๊ยเซียนมีหนามแหลมและยางเป็นพิษ เพื่องฟ้ามีหนามแหลมตามกิ่ง สิบสองปันนามีหนามแหลมในก้านใบ ฯลฯ
3. ต้นไม้ที่มีกิ่งเปราะหักง่าย เมื่อเด็กโหนหรือปืนอาจทำให้เด็กพลัดตก ได้แก่ ทองหลางด่าง ชมพูพันธุ์ทิพย์ ประดู่อังสนา ประดูกิ่งอ่อน ก้ามปู นนทรี แคแสดสุพรรณิการ์ แสงจันทร์ คูน และหลิวกิ่งที่มีโรคและแห้งตาย ฯลฯ