การดูแลรักษาสนามเด็กเล่น
การเล่นในสนามเด็กเล่นต้องมีผู้ดูแลเด็กในสนามเด็กเล่น วิจิตร บุณยะโหตระ(2537) ได้ กำหนดบทบาทของผู้ดูแลเด็กดังนี้
1. ผู้ดูแลควรเอาใจใส่ดูแลการเล่นของเด็กเล็ก ๆ อย่างใกล้ชิด อย่าปล่อยให้เด็กเล็กเล่นตามลำพังและอย่าให้เด็กนำของเล่นใส่ปาก
2. กำหนดระยะเวลาของการเล่นให้เหมาะสม
3. ให้เด็กเล่นของเล่นหรือเครื่องเล่นต่าง ๆ ตามขั้นตอนและให้ถูกวิธีหรือกติกาการเล่น
4. แยกสถานที่ระหว่างเด็กเล็กและเด็กโตให้เป็นสัดส่วน
5. แนะนำให้เด็กเล่นอย่างระมัดระวังและไม่ประมาท
6. เมื่อเด็กเล่นของเล่นเสร็จแล้ว ต้องดูแลเก็บเข้าที่ให้เรียบร้อยไม่วางเกะกะบนพื้นหรือตามขั้นบันได
ภรณี คุรุรัตนะ (2535 ) กำหนดบทบาทของครูในการดูแลเด็กในสนามเด็กเล่นดังนี้
1. ครูจะต้องดูแลสิ่งแวดล้อมทั้งสภาพแวดล้อม บรรยากาศ ให้เด็กสามารถนำของเล่นมาเล่นได้ตามต้องการ การปฏิสัมพันธ์ระหว่างเด็กกับของเล่นหรือสื่อเป็นไปอย่างสม่ำเสมอ
2. ครูควรนำของเล่นมาจัดเป็นมุม กำหนดเกณฑ์ภายในห้องในการนำอุปกรณ์ และของเล่นออกมาใช้ เพื่อเป็นการฝึกวินัยในตนเองให้แก่เด็ก และเป็นการสร้างระเบียบในสังคมเพื่อให้เด็กได้เรียนรู้
3. บทบาทของผู้ดูแลเด็กไม่ใช่การสอนเพียงอย่างเดียว แต่เป็นผู้ชี้แนะ ผู้คอยวินิจฉัย ผู้ประเมินผล และสำคัญที่สุดคือ ลักษณะของการเป็นแบบอย่างเด็กจะเลียนแบบผู้ดูแลเด็ก
4. การจัดประสบการณ์ ผู้ดูแลจะต้องเปิดโอกาสให้เด็กรับการส่งเสริมพัฒนาการทุกด้านทั้งด้านร่างกาย อารมณ์ สังคมและสติปัญญา
นภเนตร ธรรมบวร (2546) เสนอแนะบทบาทของผู้ดูแลเด็กในการส่งเสริมการเล่นของเด็กว่า ต้องมีความเข้าใจที่ดีเกี่ยวกับการเล่น มีความตระหนักว่าเด็กเรียนรู้จากการเล่น และการเล่นคือการเรียนรู้ของเด็ก บทบาทของผู้ดูแลเด็กในการจัดการเรียนการสอนเพื่อส่งเสริมการเล่นมีดังต่อไปนี้
1. การบูรณาการหลักสูตรผ่านการเล่น การเล่นช่วยส่งเสริมการเรียนรู้ของเด็กให้เป็นธรรมชาติมากขึ้น ความรู้ของเด็กจะไม่ถูกแบ่งเป็นรายวิชาย่อย ๆ แต่ความรู้จะมีลักษณะเป็นองค์รวม และมีความสัมพันธ์กัน
2. การส่งเสริมกระบวนการคิดของเด็กผ่านการเล่น สถานการณ์การเล่นที่ได้รับการออกแบบมาเป็นอย่างดี กระตุ้นและท้าทายให้เด็กพัฒนากระบวนการคิดไปสู่ขั้นที่ซับซ้อนมากขึ้น ขณะที่เด็กเลือกวัสดุ อุปกรณ์การเล่น แสวงหาปัญหา รวมถึงการพยายามแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น สิ่งต่าง ๆ เหล่านี้เป็นสิ่งท้าทายให้เด็กพัฒนาความคิดไปสู่ระดับที่สูงขึ้น
3. การสื่อสารให้พ่อแม่และบุคลากรอื่น ๆ เห็นคุณค่าในการเล่นของเด็ก
4. ครูต้องเป็นแบบอย่างในการเล่นแก่เด็ก การเล่นจะเป็นประโยชน์และเป็นผลดีกับเด็กมากขึ้น ถ้าผู้ใหญ่ได้มีส่วนร่วมในการเล่น ทั้งนี้เพราะการจัดเตรียมสิ่งแวดล้อม และวัสดุอุปกรณ์ในการเล่นสำหรับเด็กเพียงอย่างเดียวนั้นไม่เพียงพอ ครูจำเป็นจะต้องกระตุ้นให้เด็ก ตั้งคำถาม สังเกตสิ่งที่เห็นหรือสงสัย
5. จัดเตรียมสิ่งแวดล้อม วัสดุอุปกรณ์ และให้เวลาแก่เด็กในการเล่น เพราะสิ่งแวดล้อมช่วยกระตุ้นและเปิดโอกาสให้เด็กได้ตัดสินใจด้วยตนเอง ครูควรจัดเตรียมวัสดุอุปกรณ์ในการเล่นที่หลากหลาย จัดวางของเล่นในที่สะดวกต่อการหยิบของเด็ก เป็นผู้สนับสนุนการเล่นของเด็ก จัดเวลาที่เพียงพอต่อการเล่น
6. ครูไม่ต้องกฎเกณฑ์หรือข้อจํากัดในการเล่นมากเกินไป แม้การมีระเบียบในการเล่นเป็นสิ่งที่ดี เพราะช่วยให้เด็กมีเหตุผล แต่ครูควรส่งเสริมให้เด็กสร้างข้อตกลงในการเล่นด้วยตนเอง ถ้าครูเป็นผู้กำหนดข้อตกลงกับเด็กมากเกินไป เด็กจะขาดโอกาสในการคิด และแก้ปัญหาด้วยตนเอง
7. ครูส่งเสริมและสนับสนุนการเล่นให้เด็กได้พัฒนาครบทุกด้าน ทั้งด้านร่างกาย อารมณ์ สังคม และสติปัญญา
กล่าวโดยสรุป บทบาทของผู้ดูแลเด็กในสนามเด็กเล่นมี 3 ระยะ คือ ระยะก่อนการเล่น ผู้ดูแลเด็กต้องจัดเตรียมสภาพแวดล้อมให้สะอาดและปลอดภัยและสร้างข้อตกลงในการเล่นกับเด็ก ระยะระหว่างการเล่น ผู้ดูแลเด็กต้องทำหน้าที่ในการสังเกตพฤติกรรมการเล่นของเด็ก ตักเตือนเมื่อเด็กมีพฤติกรรมการเล่นที่ไม่เหมาะสม ส่งเสริมและสนับสนุนการเล่นของเด็ก ระยะที่สาม คือ หลังการเล่น เมื่อเด็กเล่นในสนามเด็กเล่นเรียบร้อย ผู้ดูแลเด็กต้องตรวจสอบความสะอาดในสนามเด็กเล่นให้เรียบร้อย
ที่มา :